Search

ศึกษาเรื่องพลับพลา

แท่นเครื่องเผาบูชา

คำสอนที่เกี่ยวของ

· ความเชื่อที่แสดงในแท่นเครื่องเผาบูชา (อพยพ 27:1-8)

ความเชื่อที่แสดงในแท่นเครื่องเผาบูชา
(อพยพ 27:1-8)
“เจ้าจงทำแท่นบูชาด้วยไม้กระถินเทศให้ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก ให้เป็นแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส สูงสามศอก จงทำเชิงงอนติดไว้ทั้งสี่มุมของแท่น ให้เป็นชิ้นเดียวกันกับแท่น และจงหุ้มแท่นด้วยทองสัมฤทธิ์ เจ้าจงทำหม้อสำหรับใส่ขี้เถ้า พลั่ว ชาม ขอเกี่ยวเนื้อและถาดรองไฟ คือเครื่องใช้สำหรับแท่นทั้งหมด เจ้าจงทำด้วยทองสัมฤทธิ์ แล้วเอาทองสัมฤทธิ์ทำตาข่ายประดับแท่นนั้น กับทำห่วงทองสัมฤทธิ์ติดที่มุมทั้งสี่ของตาข่าย ตาข่ายนั้นให้อยู่ใต้กระจังของแท่น และให้ห้อยอยู่ตั้งแต่กลางแท่นลงมา ไม้คานหามแท่นให้ทำด้วยไม้กระถินเทศและหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์ ไม้คานนั้นให้สอดไว้ในห่วง ในเวลาหามไม้คานจะอยู่ข้างแท่นข้างละอัน แท่นนั้นทำด้วยไม้กระดาน แต่ข้างในแท่นกลวงตามแบบที่แจ้งแก่เจ้าแล้วที่ภูเขา จงให้เขาทำอย่างนั้น“ 
 
 
แท่นสำหรับเครื่องเผาบูชา
ผู้เขียนจะอธิบายความเชื่อที่แสดงในแท่นเครื่องเผาบูชา เมื่อผู้คนชาวอิสราเอลฝ่าฝืนพระบัญญัติ 613 ข้อของพระราชบัญญัติของพระเจ้าและพระบัญญัติที่พวกเขาจะต้องรักษาให้ได้ทุกวัน และเมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงบาปของตน พวกเขาถวายเครื่องบูชาที่ไม่มีตำหนิแก่พระเจ้าตามระบบการสังเวยบูชาที่พระองค์ทรงกำหนดเอาไว้ ที่ที่พวกเขาถวายการบูชาเหล่านี้คือแท่นเครื่องเผาบูชานั่นเอง อีกนัยหนึ่งผู้คนชาวอิสราเอลได้รับการยกความผิดบาปโดยการวางมือบนหัวของสัตว์ สังเวยบูชาที่ไร้ตำหนิ ปาดคอและให้มันหลั่งเลือด และประพรมเลือดบนเชิงงอนของแท่นบูชา และเทเลือดที่เหลือลงบนพื้น และเผาเนื้อหนังของสัตว์สังเวยบนแท่น
 

อะไรคือความหมายทางจิตวิญญาณของแท่นเครื่องเผาบูชา?

 
แท่นเครื่องเผาบูชา วัดได้ 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) ทั้งในความกว้างและความยาว และความสูง 1.35 เมตร (4.5 ฟุต) ทำขึ้นจากไม้กระถินเทศและหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์ เมื่อใดก็ตามที่ชาวอิสรา เอลมองดูมองดูที่แท่นเครื่องเผาบูชานี้ พวกเขาก็ได้มาตระหนักว่าตนเป็นผู้ที่ถูกขังอยู่ในการพิพาก ษาและไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับโทษบาปของพวกเขาได้ และพวกเขาก็ตระหนักว่า ตนก็จะต้องตายเพราะบาปของตัวเองเหมือนกับสัตว์สังเวยบูชาที่จะต้องตาย แต่พวกเขาก็มาเชื่อว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมายังโลกนี้และลบมลทินบาปของพวกเขาโดยถูกปรับโทษบาปและต้องตายเหมือนกับเครื่องสังเวยบูชาของบาปของพวกเขา
แท่นเครื่องเผาบูชาจึงเป็นเงาของพระเยซู คริสต์ ผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซู คริสต์เสด็จมาหาเราโดยทรงเป็นบุตรของพระเจ้า และแบกรับการปรับโทษบาปทั้งหมดของเราเหมือนกับสัตว์ไร้ตำหนิที่ถูกสังเวยบูชาโดยการวางมือและหลั่งเลือดของมัน พระองค์ทรงยอมรับความผิดบาปทั้ง หมดของโลกโดยการรับบัพติศมาจากยอห์น และทรงแบกรับการปรับโทษบาปโดยการหลั่งพระโล หิตของพระองค์บนไม้กางเขน เหมือนการสังเวยบูชาในพันธสัญญาฉบับเก่าที่ยอมรับบาปทั้งหมดโดยการวางมือและการหลั่งเลือด
ด้วยวิธีนี้ แท่นเครื่องเผาบูชาได้แสดงให้เราเห็นว่า พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์, สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน, ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง และทรงช่วยเราให้รอด
 

ชาวอิสราเอลต้องถวายเครื่องสังเวยบูชาตรงแท่นเครื่องเผาบูชา เพื่อยกความผิดบาปของพวกเขา
 
เมื่อเราดูบทที่ 4 ของเลวีนิติ เราเห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่เจิมปุโรหิต, การชุมนุมกันของชาวอิส ราเอล, ผู้ปกครอง หรือผู้คนทั่วไปที่ทำบาป พวกเขาได้รับการยกความผิดบาปโดยการถวายเครื่องสังเวยบูชาต่อพระเจ้า วางมือบนหัวของมัน, ฆ่ามัน, หลั่งเลือด และนำมันไปที่แท่นเครื่องเผาบูชาและบูชามันต่อพระเจ้า
ตามความเป็นจริง ที่แท่นเครื่องเผาบูชานี้เป็นที่ที่ชาวอิสราเอลได้ถวายบูชาทุกวัน ไม่ใช่วัน ที่ผ่านไปเมื่อมันไม่ยุ่งชาวอิสราเอลผู้ต้องการกำจัดบาปของตนได้จัดเตรียมสัตว์ไร้มลทินและ ถวายมันต่อพระเจ้าตรงแท่นเครื่องเผาบูชาตามการสังเวยบูชาของพวกเขา ผู้มีบาปได้ผ่านความผิดบาปทั้ง หมดของพวกเขาไปสู่สัตว์สังเวยโดยวางมือของพวกเขาบนหัวของมัน และหลั่งเลือดของมันโดยการปาดคอเหมือนกับการพิพากษาบาปของพวกเขา จากนั้นมหาปุโรหิตได้วางเลือดของสัตว์สังเวยบูชานี้บนเชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชา และเผาเนื้อหนังและไขมันของมัน นี่คือวิธีที่ผู้คนชาวอิส ราเอลได้รับการยกความผิดบาปของตน 
ไม่ต้องคำนึงว่าผู้ใดได้ทำบาป ไม่ว่าผู้นำประชาชนชาวอิสราเอล, มหาปุโรหิต, ปุโรหิตทั่วไป, ผู้ชุมนุมทั้งหมด หรือผู้คนธรรมดาทั่วไป จะต้องได้รับการยกความผิดบาปโดยการนำสัตว์สังเวยบูชา เช่น วัว , แพะ , แกะ ไปถวายแก่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชา
ผู้มีบาปหรือผู้แทนของพวกเขาได้วางมือลงบนหัวของสัตว์บูชา, ฆ่ามัน, ประพรมเลือดของมันไส่ไว้ที่เชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชา, เทเลือดที่เหลือลงบนพื้น และก็เผาไขมันของเครื่องสัง เวยบูชาที่จะยกโทษบาปให้พวกเขาได้ ดังนั้น หลายคนได้นำสัตว์สังเวยบูชาไปสู่แท่นเครื่องเผาบูชา วางมือลงบนหัวของสัตว์บูชา หลั่งเลือดของมันและให้มันไปแก่ปุโรหิต 
เมื่อเครื่องสังเวยบูชาได้ถวายที่แท่นเครื่องเผาบูชา เครื่องสังเวยบูชาเหล่านี้จะต้องไม่มีตำ หนิ และเมื่อผู้มีบาปได้สังเวยบูชาต่อพระเจ้า พวกเขาจะต้องมั่นใจว่าได้นำสัตว์ที่ไม่มีตำหนิไปต่อพระพักตร์พระเจ้า และเพียงแค่การวางมือของพวกเขาลงบนสัตว์สังเวยบูชาที่ไร้ตำหนิเหล่านี้เท่า นั้นที่พวกเขาได้ผ่านบาปของตนไปสู่มัน ดังนั้นเมื่อทำการสังเวยบูชาแล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก 
โดยทั่วๆไป ผู้คนที่ทำบาปได้วางมือของตนไปบนหัวของสัตว์สังเวย แต่เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ทำบาป จะต้องมีตัวแทนเป็นผู้อาวุโสที่จะวางมือลงบนเครื่องสังเวยบูชา (เลเวนิติ 4:15) แน่นอนว่าสัตว์สังเวยบูชาที่ถูกวางมือทั้งหมดจะถูกฆ่าโดยการปาดคอและหลั่งเลือด และจากนั้นไม่นานมันก็ถูกเผาตรงแท่น
ควันของเนื้อหนัง, ไขมัน และไว้ที่ถูกเผาจึงมีอยู่รอบๆแท่นเครื่องเผาบูชาเสมอ และเชิงงอนและพื้นใต้แท่นก็จะเต็มไปด้วยเลือดของสัตว์สังเวยบูชาด้วย แท่นเครื่องเผาบูชาเป็นที่ของการยกความผิดบาปที่ได้ถวายเครื่องสังเวยบูชาต่อพระเจ้าเพื่อชำระความผิดบาปของผู้คนชาวอิสราเอล 
แท่นเครื่องเผาบูชานี้ ที่ควันไม่เคยจางหาย วันได้สี่เหลี่ยมจตุรัสทั้งความกว้างและความยาว 2.25 เมตร (7.5 ฟุต) และความสูง 1.35 เมตร (4.5 ฟุต) ห่วงตาข่ายทองสัมฤทธิ์อยู่ตรงกลาง และควันก็พุ่งขึ้นมาจากเครื่องสังเวยที่ถูกเผาจากไฟของไม้บนห่วงของมัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่ที่เผาเครื่องสังเวยบูชาและถวายต่อพระเจ้าก็คือแท่นเครื่องเผาบูชานั่นเอง
 

เครื่องใช้ของแท่นเครื่องเผาบูชาทำขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์
 
เครื่องใช้ของแท่นเครื่องเผาบูชาได้ใช้สำหรับถ่ายและทิ้งขี้เถ้าที่ทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ทั้ง หมด แท่นเครื่องเผาบูชาก็หุ้มทองบนไม้กระถินเทศด้วย และดังนั้นแท่นและเครื่องใช้ของมันจึงทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ทั้งหมด 
ทองสัมฤทธ์ของแท่นเครื่องเผาบูชานี้มีคำจำกัดความในความหมายทางจิตวิญญาณ ทองสัม ฤทธิ์หมายถึงการพิพากษาบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า ดังนั้น แท่นเครื่องเผาบูชาเป็นแสดงให้เราเห็นชัดเจนว่าความผิดบาปได้รับการพิพากษาบาปของพวกเขาอย่างแน่นอน พระเจ้าจะทรงปรับโทษบาปของผู้คนอย่างแน่นอน ที่ที่เครื่องสังเวยได้รับการพิพากษาเพื่อประโยชน์ของผู้มีบาปโดยการเผาเครื่องสังเวยบาปตรงแท่นบูชา และตัวแท่นเองและเครื่องใช้ทั้งหมดได้ทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ ดังนั้นสิ่งต่างๆทั้งหมดบอกเราว่าความผิดบาปทั้งหมดได้นำมาซึ่งการพิพากษาอย่างแน่นอน 
แท่นแสดงให้เราเห็นว่าผู้คนต้องถูกปรับโทษบาปและต้องตายเพราะความผิดบาปของพวกเขา แต่พวกเขาสามารถชำระความผิดบาปของตนได้, ได้รับการยกความผิดบาปและมีชีวิตอยู่อีกครั้ง หนึ่งโดยการนำสัตว์สังเวยบูชาไปตรงแท่นเครื่องเผาบูชาและถวายต่อพระเจ้า ที่นี่ การสังเวยที่ได้ถูกบูชาไปบนแท่นเผาเครื่องบูชาได้บอกเราทั้งหมดว่าบัพติศมาของพระเยซู และพระโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งได้ยกความผิดบาปให้แก่ผู้ที่เชื่อทุกคน ดังนั้นความเชื่อนี้ที่ได้ถวายเครื่องสังเวยบูชาตรงแท่นเครื่องเผาบูชายังคงมีต่อไปในเวลาของพันธสัญญาฉบับใหม่คือความเชื่อในบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซู คริสต์
เมื่อเราเชื่อในพระเยซู คริสต์ว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา เราต้องมีความเชื่อต่อพระเจ้าของเราว่าเชื่อในบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตของพระองค์ว่าเป็นการยกความผิดบาปของเรา ความเชื่อนี้เป็นร่องรอยของความเชื่อที่เปิดและเข้าไปสู่ประตูของลานพลับพลาที่ทอด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีในพันธสัญญาฉบับเก่า 
 


เครื่องบูชาทั้งหมดที่ได้ถวายตรงแท่นเครื่องเผาบูชาเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซู คริสต์

ไม้กางเขนของพระเยซูพระเยซู คริสต์ทรงทำอะไรเมื่อพระองค์เสด็จมายังโลกนี้? เราเป็นผู้มีบาป เราได้ทำบาปในการเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าและฝ่าฝืนพระราชบัญญัติและพระบัญญัติของพระองค์ แต่พระเยซู ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเพื่อรับเอาความผิดบาปของโลกนี้ไว้ที่พระองค์ และทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อลบมลทินบาปทั้งหมดของเรา เพราะว่าพระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ไร้มลทิน และทรงรับบัพติศมา แล้วพระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตของการสังเวยบนไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์ในที่ของเรา ซึ่งก็เหมือนกับเครื่องสังเวย บูชาที่แบกรับบาปของชาวอิสรา เอลให้ผ่านไปสู่มันด้วยการวางมือและถูกฆ่าและเผาตรงแท่นเครื่องเผาบูชาพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาการปรับโทษบาปของเราทั้งหมดเพื่อเราโดยการถูกตรึงตะปูทั้งพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์และทรงหลั่งพระโลหิตแทนการปรับโทษบาปของเรา 
พระเยซู คริสต์ ผู้เสด็จมาเป็นสาระสำคัญของของแท่นเครื่องเผาบูชานี้ ทรงทำอะไรเมื่อพระองค์เสด็จมายังโลกนี้? พระเยซู คริสต์ทรงช่วยเราให้รอดโดยการรับเอาความผิดบาปทั้งหมดไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์, ทรงถูกตรึงและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมายังโลกนี้และเสด็จขึ้นสู่อาณาจักรสวรรค์เมื่อทรงทำงานของความรอดของเราสำเร็จ 
 

เราผู้ที่ทำบาปทุกวันอย่างไม่มีทางเลือก
 
ยังมีความหมายอื่นของแท่นเครื่องเผาบูชานั่นก็คือ “ การขึ้นไป “ ตามความเป็นจริง ท่านและผู้เขียนทำบาปทุกวัน ดังนั้นเราจึงต้องถวายเครื่องสังเวยบูชาต่อพระเจ้าเสมอ และเพราะว่าสิ่งนี้ ควันของการปรับโทษบาปของเรามักจะขึ้นไปสู่พระเจ้าเสมอ มีสักวันไหมที่ท่านไม่ทำบาปแต่เป็นคนที่สมบูรณ์? การสังเวยบูชาของผู้คนชาวอิสราเอลได้ถวายอย่างต่อเนื่องจนปุโรหิตหมดแรงจากการบูชาเหล่านี้ที่ยกความผิดบาปให้ผู้คนชาวอิสราเอลมากมายนับไม่ถ้วน เพราะว่าประชาชนชาวอิสราเอลฝ่าฝืนพระราชบัญญัติและทำบาปทุกวัน พวกเขาจึงต้องได้รับการสังเวยบูชาทุกวัน 
โมเสสผู้เป็นผู้แทนของชาวอิสราเอลได้ประกาศพระราชบัญญัติและพระบัญญติ 613 ข้อของพระเจ้าต่อชาวอิสราเอล “ เหตุฉะนั้นบัดนี้เมื่อท่านเชื่อฟังเสียงเรา และรักษาพันธสัญญาของเราไว้ เจ้าจะเป็นทรัพย์อันประเสริฐของเรา ยิ่งกว่าชาติทั้งปวง และแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา เจ้าทั้ง หลายจะเป็นอาณจักรแห่งปุโรหิต และเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับเรา “ (อพยพ 19:5–6) 
ประชาชนชาวอิสราเอลจึงสัญญาว่า “ สิ่งทั้งปวงที่พระเยโฮวาห์ตรัสนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำตาม “ (อพยพ 19:8) ดังนั้นประชาชนชาวอิสราเอลต้องการที่จะตระหนักและเชื่อในพระเจ้านี้ผู้ทรงปรากฎต่อหน้าโมเสสและตรัสกับพวกเขาผ่านเขาเหมือนกับเป็นพระเจ้าที่แท้จริงของพวกเขา และพวกเขาต้องการพระเจ้านี้ให้ปกป้องพวกเขา พวกเขายังต้องการที่จะเป็นขุมทรัพย์พิเศษแก่พระเจ้าและยังมีอาณาจักรของปุโรหิตและชนชาติบริสุทธิ์ที่เป็นของพระเจ้าโดยการรักษาพระวจนะทั้งหมดที่พระเจ้าตรัสกับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาพยายามที่จะรักษาพระบัญญัติทั้งหมดของพระเจ้าที่ได้รับประทานมา 
พระเจ้าทรงทราบไหมว่าประชาชนชาวอิสราเอลจะทำบาป? แน่นอนว่าทราบ นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงเรียกโมเสสไปบนภูเขาซีนาย ทรงแสดงให้เขาเห็นแนวคิดของพลับพลา ทรงอธิบายรูปแบบมันอย่างละเอียด ทรงบอกเขาให้สร้างมัน และทรงทำให้เขาได้สร้างมันขึ้นมาอย่างถูกต้อง และพระองค์ทรงกำหนดระบบการสังเวยบูชาโดยการบูชาที่ถวายต่อพลับพลานี้ 
เมื่อผู้คนชาวอิสราเอลค้นพบการถวายเครื่องสังเวยบาปต่อพระเจ้า พวกเขาต้องนำวัว, แพะ, แกะ หรือนกพิราปที่ไม่มีมลทินไปและพวกเขาต้องมั่นใจว่าได้ผ่านบาปของพวกเขาไปสู่เครื่องสัง เวยบูชาโดยการวางมือลงบนหัวของมัน (เลวีนิติ 1:1–4) และจากนั้นก็หลั่งเลือดของมันโดยการปาดคอและให้เลือดนี้แก่ปุโรหิต จากนั้นปุโรหิตของพวกเขาจึงรับเอาเลือดนี้, พรมตรงเชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชา, เทเลือดที่เหลือลงบนพื้น, ตัดเครื่องสังเวยบูชาเป็นชิ้นๆ, วางแต่ละชิ้นลงบนแท่น และถวายมันต่อพระเจ้าโดยการเผามัน 
นี่คือวิธีที่ชาวอิสราเอลได้รับการยกความผิดบาป เมื่อเครื่องบูชาถูกเผาพวกเขาจึงต้องถูกเผาในเนื้อหนังและยังต้องเผาไขมันของมัน พระเจ้าทรงยกโทษบาปของชาวอิสราเอลในวิธีนี้ 
 


วิธีเดียวที่จะได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมด

 
เมื่อเราดูตัวเอง เราตระหนักได้โดยแท้จริงว่าเราทำบาปอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีทางเลือก เรามีชีวิตอยู่โดยการทำบาปเสมอ เราทำบาปมากมายนับไม่ถ้วนในเหตุผลแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเพราะ เราอ่อนแอ มีข้อตำหนิมากมาย และโลภเกินไป หรือแม้กระทั่งมีพลังมากไป ในหมู่ผู้ที่เชื่อในพระเยซูว่าเป็นผู้ช่วยให้รอด ไม่มีใครเลยที่ไม่ได้ทำบาป 
วิธีเดียวสำหรับเราผู้ที่ทำบาปอยู่เสมอก็เป็นเช่นนี้แม้ว่าเราเชื่อในพระเจ้าก็ตามคือการชำระความผิดบาปทั้งหมดและรอดคือการเชื่อในบัพติศมาของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เสด็จมาโดยน้ำและพระโลหิต (1 ยอห์น 5:6) พระองค์เสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาของแท่นเครื่องเผาบูชาโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านนื้ดี เมื่อพระเยซูนี้ทรงรับเอาความ ผิดบาปไว้ที่พระองค์โดยการรับบัพติศมาและจ่ายค่าจ้างของบาปเราโดยการหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์บนนั้น เราจะไม่ได้รับการยกความผิดบาปโดยความเชื่อได้อย่างไร? โดยความเชื่อที่ท่านและผู้เขียนได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมดเพียงครั้งเดียว เพราะว่าความรอดของพระเมสสิยาห์ของเรา พระเยซู คริสต์
แม้ว่าในความจริงแล้วเราทำบาปอยู่เสมอ เพราะว่าความรอดของบัพติศมาและพระโลหิตที่พระเยซูทรงทำให้สมบูรณ์เมื่อพระองค์เสด็จมาบนโลกนี้ เราจึงเป็นอิสระจากความผิดบาปทั้งหมดของเราได้ พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระ องค์ และทรงแบกรับความผิดบาปของโลกนี้ไว้และถูกตรึงบนไม้กางเขน และทรงปลดปล่อยเราให้พ้นจากบาปทั้งหมด พระองค์ทรงช่วยเราผู้ที่เชื่อในความจริงนี้ให้รอดทั้งหมดโดยการรับบัพติศมาเพื่อบาปของเรา, แบกรับการปรับโทษบาปของเราด้วยการถูกตรึงบนไม้กางเขนของพระองค์และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย แม้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องถูกปรับโทษบาปของเรา แต่เพราะความรักของความรอดและพระกรุณาที่พระเยซูทรงประทานมาให้เราโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม ท่านและผู้เขียนจึงรอดโดยความเชื่อของพระเจ้า อีกนัยหนึ่งเรารอดจากบาปของเรา มันเป็นเพราะว่าโดยการเชื่อในพระองค์เราจึงได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากบาปทั้งหมดของเรา นี่คือสิ่งที่แท่นเครื่องเผาบูชาได้แสดงต่อเรา 
ท่านอาจจะคิดว่าทุกสิ่งภายในพลับพลานั้นสวยงามแต่หากท่านเข้าไปข้างในลานพลับพลาจริงๆท่านก็จะพบกับภาพที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้และความน่าสะอิดสะเอียน แท่นเผาเครื่องบูชาทองสัมฤทธิ์มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมมุมฉากก็จะเต็มไปด้วยควันและไฟอยู่ตลอดเวลา แท่นทองสัมฤทธิ์ก็จะรอยคอยผู้มีบาปเลือด และใครก็ตามที่ตระหนักว่ามันเป็นที่สำหรับปรับโทษบาปอยู่เสมอ พื้นของมันก็จะชุ่มไปด้วยเลือด มันจะอบอวนไปด้วยกลิ่นไหม้เนื้อและไม้เพราะมันเป็นที่ที่ต้องถวายเครื่องสังเวยบูชาทุกวัน 
เลือดก็จะไหลเหมือนกับแม่น้ำอยู่ข้างใต้แท่นเผาบูชา เมื่อใดก็ตามที่ชาวอิสราเอลทำบาป พวกเขาก็จะนำสัตว์สังเวยบาปไปตรงพลับพลา ผ่านบาปของพวกเขาไปสู่มันโดยการวางมือ ปาดคอ เทเลือดและนำเลือดนี้มอบให้ปุโรหิต จากนั้นปุโรหิตจึงประพรมเลือดนี้ตรงเชิงงอนของแท่นเผาบูชาและเทเลือดที่เหลือลงพื้น 
จากนั้นพวกเขาจึงตัดมันเป็นชิ้นๆทั้งปอดและไขมันด้วยและเอาเนื้อของมันนี้วางลงและเผามัน เมื่อเลือดมันออกมาสิ่งแรกมันก็จะไหลออกมาเหลวสีแดง แต่หลังจากนั้นมันก็จะรวมกันเป็นก้อนๆเหนียวๆ หากท่านได้เข้าไปในพลับพลาจริงๆท่านก็จะได้เห็นเลือดที่น่ากลัวนี้ 
เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนชาวอิสราเอลฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาก็จะตระหนักได้ว่าตนต้องตายเหมือนกับเครื่องสังเวยบูชาตรงแท่นเผาเครื่องบูชา ทำไม? เพราะว่าพระเจ้าทรงมีพันธสัญญาด้วยเลือดของพวกเขา “ หากเจ้ารักษาพระราชบัญญัติของเรา เจ้าจะเป็นเป็นคนของเราและอาณาจักรของปุโรหิต แต่หากว่าเจ้าไม่สามารถรักษามันได้ เจ้าจะต้องตายเหมือนกับเครื่องสังเวยบูชาที่เจ้าทำให้มันตายนี้ “ นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงกำหนดพันธสัญญาของพระองค์ด้วยเลือด ดังนั้นผู้ คนชาวอิสราเอลจึงยอมรับมันเป็นความจริงที่ว่าหากพวกเขาทำบาปและฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ พวกเขาก็จะต้องหลั่งเลือด 
ตามเนื้อหาของความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังมีผู้ที่เชื่อในพระเจ้าด้วยที่จะต้องถวายเลือดของสัตว์สังเวยเพื่อบาปของพวกเขา มันแสดงให้เราเห็นว่าทุกคนที่ทำบาปต่อพระพักตร์พระเจ้าและมีบาปในใจของเขาหรือเธอโดยไม่คำนึงว่ามันมากน้อยเพียงใด จะต้องเผชิญกับการปรับโทษบาปด้วยเหตุนั้น แม้ว่าพระราชบัญญัติของการพิพากษา นั่นคือค่าจ้างของบาปคือความตายได้นำมาใช้สำหรับต่อทุกคนต่อพระพักตร์พระเจ้า จึงมีไม่กี่คนที่เกรงกลัวการพิพากษาของพระเจ้าที่แท้จริงและพยายามที่จะทำตัวเองต่อพระพราชบัญญัติของของความรอดของพระเจ้าที่แสดงในระบบสังเวยบูชาของพระองค์ 
แท่นเผาเครื่องบูชาบอกเราว่าตามพระพระราชบัญญัติที่กำหนดค่าจ้างของบาปคือความตาย พระเยซู คริสต์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาปและปรับโทษบาปโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่แสดงในประตูทางเข้าลานพลับพลา เพราะเราผู้ที่ทำบาปอยู่เสมอและจะต้องถูกปรับโทษบาปของเราเอง พระคริสต์จึงเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์ ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไปสู่ร่างกายพระองค์โดยการรับบัพติศมาจากยอห์น ทรงแบกรับเอาความผิดบาปของโลกนี้ไว้บนไม้กางเขน ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตบนนั้น แบกรับความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ สังเวยบูชาพระองค์เอง และทรงช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปของเรา 
มันเป็นเพราะพระเยซู คริสต์ทรงเสียสละพระองค์และทรงช่วยเราให้รอดท่านและผู้เขียนจึงพ้นจากความผิดบาปได้ทั้งหมดโดยความเชื่อ อีกนัยหนึ่ง พระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปของผู้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้เพราะบาปของตนไปโดยบัพติศมาของพระองค์, ถูกตรึงไม้กางเขน, ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากบาปและการปรับโทษบาป 
เมื่อเราดูที่แท่นเผาเครื่องสังเวยบูชานี้ เราจึงมีความเชื่อเช่นนี้ จากการได้เห็นว่าการสังเวยบูชาได้ทำอยู่ตลอดเวลาตรงแท่น เราตระหนักและเชื่อว่าเราผู้ที่จะต้องตายเพราะความผิดบาปประ จำวันของเรา แต่พระเจ้าก็ไม่ทรงทำให้เราเป็นเครื่องสังเวยบูชาของพระองค์ แต่กลับเป็นพระเยโฮวาห์แทนผู้เสด็จมายังโลกนี้และทรงทำความรอดของเราให้สมบูรณ์ พระเยซูทรงช่วยเราให้รอดโดยการรับบัพติศมา, หลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง 
นี่คือเหตุผลที่พระบิดาทรงยอมรับเครื่องสังเวยบูชาของชาวอิสราเอล และยกความผิดบาปทั้งหมดให้พวกเขาแทนการปรับโทษบาป พระเจ้ายกโทษบาปของชาวอิสราเอลโดยการทำให้พวกเขาผ่านบาปของตนไปสู่สัตว์บูชาโดยการวางมือลงบนหัวของมัน และโดยการฆ่ามันและถวายเลือด เนื้อหนัง และไขมันของมันต่อพระองค์ พระองค์ทรงชำระเราจากความผิดบาปทั้งหมดโดยระบบการสังเวยบูชานี้ ไม่มีอื่นใดนอกจากพระกรุณาของพระเจ้าและความรักของพระองค์ 
 

พระเจ้าไม่ทรงกระทำต่อเราเราตามเรื่องพระราชบัญญัติเพียงเท่านั้น
 
หากพระเจ้าทรงพิพากษาท่านและผู้เขียนและผู้คนชาวอิสราเอลทั้งหมด ตามพระราชบัญ ญัติของพระองค์ แล้วจะมีผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้สักกี่คน? หากพระเจ้าทรงวัดและพิพากษาเราโดยพระราชบัญญัติของพระองค์อย่างเดียว ก็จะไม่มีใครที่จะมีชีวิตอยู่ได้แม้แต่วันเดียว คนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่ต้องตายในไม่กี่นาที เราบางคนอาจจะตายเพียงชั่วโมงเดียวในขณะที่ผู้อื่นอาจจะอยู่นานถึง 10 ชั่วโมง แต่ความแตกต่างก็คือ ไม่ว่าวิธีใดเราก็ต้องตาย ผู้คนจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ อยู่ได้ไม่ถึง 60, 70, 80 ปีหรือหลังจากนั้น ทุกคนจะถูกปรับโทษบาปโดยไม่มีเวลา
คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ลูกชายท่านยังคงดิ้นรนเพื่อที่จะลงจากเตียงหลังจากที่อยู่งานปาร์ตี้ทั้งคืน ภรรยาของท่านก็พยายามที่จะปลุกเขาขึ้นมา เสียงที่ตามมาก็จะเป็นเสียงของบุตรชายท่านตระโกนใส่แม่ที่พยายามปลุกเขาขึ้นมา และภรรยาท่านก็ตระโกนใส่ลูกชายของท่านที่ตระโกนใส่เธอ จากนั้นก็เริ่มต้นสู้รบกันในตอนเช้า ท้ายที่สุดทั้งแม่และลูกชายก็สิ้นสุดลงโดยการทำบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า และพวกเขาทั้งสองก็จะอยู่ไม่ถึงวันนี้ เพราะพวกเขาทั้งคู่ถูกปรับโทษบาปนี้ 
พระเจ้าไม่ทรงกระทำต่อเราตามพระราชบัญญัติอันชอบธรรมของพระองค์เท่านั้น “ พระ องค์มิได้ทรงกระทำต่อเราตามเรื่องบาปของเรา หรือทรงสนองตามความชั่วช้าของเรา “ (เพลงสดุดี 103:10) 
พระเจ้าทรงจัดเตรียมการสังเวยบูชาที่จะเกิดในที่ของเรา เพื่อทำให้พระราชบัญญัตินี้สม บูรณ์ ที่ห่างไกลจากการพิพากษาเราโดยพระราชบัญญัติที่ชอบธรรม พระเจ้าทรงยอมรับชีวิตของเครื่องสังเวยบูชาแทนชีวิตของเรา และทรงยกความผิดบาปให้แก่มนุษยชาติ รวมทั้งของเราด้วยและผู้คนชาวอิสราเอล ทรงช่วยเราให้รอดจากมันทั้งหมดและทำให้เราได้มีชีวิตใหม่อีกครั้งโดยการทำให้เราได้ผ่านบาปของเราไปสู่เครื่องสังเวยบูชาโดยการวางมือ และโดยการทำให้เราได้ถวายเลือดของเครื่องสังเวยบูชานี้แทนชีวิตของเรา และพระเจ้าทรงทำให้พวกเขาเป็นคนของพระองค์โดยการช่วยผู้ที่เชื่อทั้งหลายให้รอดจากบาป นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลไปเป็นปุโร หิตของอาณาจักรของพระเจ้า
เครื่องสังเวยบูชาที่นี่ก็เป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากพระเยซู คริสต์ พระเยซู คริสต์เสด็จมาเป็นเครื่องสังเวยบูชานี้และช่วยเราให้รอดผู้ที่ต้องเผชิญกับการถูกปรับโทษบาป พระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมา, หลั่งพระโลหิตของพระองค์และสิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขนเพราะบาปของเรา พระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์และทรงมาเป็นเครื่องสังเวยบูชาโดยบัพติศมาของพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอด ตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูทรงช่วยท่านและผู้เขียนให้รอดทั้งหมโดดยการรับเอาความผิดบาปของมนุษยชาติไว้ที่พระองค์โดยพิธีบัพติศมาที่ทรงรับจากยอห์น, โดยการแบกรับความผิดบาปของโลกนี้ไปบนไม้กางเขน, การถูกตรึงบนไม้กางเขน, หลั่งพระโลหิตของพระองค์ และทรงเสียสละพระองค์เองและสิ้นพระชนม์และฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งหนึ่ง 
เมื่อเราได้ฟังพระวจนะของความรอดที่กำลังบอกเราว่าพระเยซูทรงรับบัพติศมา, ถูกตรึงบนไม้กางเขนและทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งในที่ของเรา หัวใจเราจึงได้รับการกระตุ้นอย่าง ใหญ่ยิ่ง เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ไม่มีบาปที่ได้รับบัพติศมาที่ผ่านบาปไปสู่พระองค์ ตามที่ค่า จ้างของบาปคือความตาย พระองค์ทรงแบกรับความข่มเหง, กดขี่, เจ็บปวด, ทุกข์ทรมาน และความตายอย่างถึงที่สุดไว้แทนเรา ซึ่งทั้งหมดจะต้องเป็นของเราในที่ของเรา เมื่อพระคริสต์ทรงช่วยเราให้รอดจากความผิดบาปของเรา ไม่มีอะไรที่จะเป็นการประสงค์ร้ายอีกแล้วนอกจากการไม่เชื่อในสิ่งนี้ 
 

เราจะต้องเชื่อในความรอดที่สมบูรณ์ผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม
เราจะต้องเชื่อในความรอดที่สมบูรณ์ผ่านด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มเมื่อพระเยซู คริสต์ ทรงแบกรับเอาความผิดบาปของเรา และทรงปรับโทษบาปเหล่านี้โดยบัพติศมาของพระองค์เพื่อเรา และเมื่อพระองค์ทรงช่วยท่านและผู้เขียนให้รอดจากบาปของเราโดยการสละพระองค์เองในที่ของเรา เราต้องมีความเชื่อที่กล่าวว่า “ ขอบพระคุณ พระเยโฮวาห์! “ แม้ ว่าผู้คนหลายคนถูกกระตุ้นโดยการสอนเรื่องของความรัก, เรื่องของชีวิต หรือเกี่ยวกับเรื่องใดก็ตามของความรู้สึกของหัวใจ เมื่อมันมาถึงหัวใจของพวกเขาตามความรักโดยไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า พวกเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง เมื่อพระคุณของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นช่างยิ่งใหญ่การที่พระองค์ทรงรับบัพติศมาและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อประโยชน์ของเรา แต่ก็ยังมีผู้คนที่ไม่สามารถตระ หนักในพระคุณนี้และไม่ได้ขอบพระคุณพระองค์สำหรับสิ่งนี้
พระเยซู คริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้เสด็จมายังโลกนี้และทรงเป็นเครื่องสังเวยบูชาเพื่อพวกเรา พระองค์ทรงยอมรับความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่ร่างกายของพระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์และการเสียสละพระองค์โดยการประทานร่างกายของพระองค์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงถูกหมิ่นประมาท, เปลือยกาย, ถูกข่มเหงและถูกบีบบังคับ เพื่อเราทั้งหมด นี่คือวิธีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอด การเชื่อในความจริงนี้ที่ทำให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า นี่คือแรงดลใจอันยิ่งใหญที่สุดของทั้งหมด พระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดใดๆได้ เมื่อนี่คือวิธีที่พระเยซูทรงช่วยเรา มันจึงเป็นความเศร้าอย่างสุดซึ้งของผู้เขียนที่ได้เห็นว่าผู้คนยังคงไม่เชื่อและขอบพระคุณพระองค์แม้หลังจากที่ได้ฟังมัน 
เพราะว่าพระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับบัพติศมา และทรงเสียสละพระองค์จนท่านและผู้เขียนได้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา ดังนั้น อิสยาห์ 53:5 จึงกล่าวว่า “ แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ทำให้เราหายดี “
เราทำบาปตลอดชีวิตของเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งบัลลังค์ของอาณาจักรสวรรค์ไว้และเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราให้รอดผู้ที่จะต้องถูกปรับโทษบาปโดยไม่มีทางเลือก พระองค์ทรงก้มพระเศียรของพระองค์ต่อยอห์นเพื่อรับบัพติศมา, ทรงแบกรับเอาความผิดบาปเหล่านี้ไปบนไม้กาง เขนและทุกข์ทรมานยิ่งนัก, ทรงหลั่งพระโลหิตทั้งหมดของพระทัยพระองค์บนพื้น, ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย, ทรงเป็นเครื่องสังเวยบูชาเพื่อเรา และทรงเป็นพระเจ้าที่แท้จริงของความรอดของเรา 
ท่านคิดถึงความจริงนี้และรักษามันไว้ในส่วนลึกของหัวใจของท่านไหม? เมื่อท่านได้ฟังพระวจนะ มันเหมาะสมแล้วที่ท่านจะเชื่อและได้ดลใจเข้าไปในหัวใจของท่านว่าพระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้จริงๆในเนื้อหนังมนุษย์ และว่าพระองค์ทรงทรงรับบัพติศมา, ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนจนถึงแก่ความตาย และทรงฟื้นขึ้นมาเพื่อช่วยคนของพระองค์ให้รอดจากบาป หากเราตระ หนักว่าเราต้องตกนรก เราตระหนักได้ในส่วนลึกของหัวใจว่ามันมีแรงดลใจได้ใหญ่ยิ่งเพียงใดและขอบคุณความรอดนี้ได้เพียงใด แม้ว่าเราต้องการที่จะเชื่อในพระเจ้าและเป็นคนของพระองค์ มันไม่มีหนทางสำหรับเราที่จะได้รับมัน แต่เพราะท่านและผู้เขียนผู้ที่ค้นหาการยกความผิดบาป พระองค์ทรงพบเราด้วยพระวจนะของความจริงที่พระคริสต์เสด็จมายังโลกนี้, ทรงรับบัพติศมา, สิ้นพระ ชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายหลังจากนั้นสามวัน
หากไม่มีการเสียสละของพระเยซูนี้ เราจะได้รับความรอดของเราได้อย่างไร? เราไม่มีทางมีได้! หากไม่มีบัพติศมาของพระเยซูและพระโลหิตบนไม้กางเขน และหากไม่มีความรอดของด้ายสีฟ้า, สีม่วง, และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีที่แสดงในพลับพลาแล้ว ความรอดก็จะเกิดขึ้นในความฝันกลางฤดูร้อนของเราเท่านั้นหากไม่มีการเสียสละของพระองค์เราก็จะไม่มีทางเป็นอิสระจากบาปของเราได้และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพิพากษาได้แต่ต้องตกลงไปในไฟของนรกและทุกข์ทรมานอย่างเป็นนิรันดร์ พระคริสต์ยังช่วยเราโดยการเสียสละพระองค์เพื่อเรา เหมือนกับการสังเวยบูชาในพันธสัญญาฉบับเก่า 
 


ความรอดของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มที่สมบูรณ์ในพันธสัญญาฉบับใหม่

 
ผู้เขียนที่รัก ท่านจะต้องไม่ลืมความจริงของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีที่ใช้สำหรับพลับพลา ผ้าป่านเนื้อดีคือพระวจนะของพันธสัญญาฉบับเก่าและฉบับใหม่ เป็นพระวจนะที่พระเจ้าทรงสัญญานานมาแล้วว่าพระองค์จะเสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา และตามคำสัญญานี้ พระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้ ด้ายสีฟ้าบอกเราว่าพระคริสต์เสด็จมายังโลกนี้ ทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์ อีกนัยหนึ่ง พระองค์ทรงรับบัพติศมาตามคำสัญญาที่ว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดจากบาปและพ้นจากการปรับโทษบาปของเรา พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น และทรงแยกรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไว้จริงๆเพื่อรับความผิดบาปทั้งหมดของเราและของทุกคนบนโลกนี้ไว้ที่พระองค์ เราต้องไม่ลืมสิ่งนี้ เพราะหากเราลืมว่าพระเยซูเสด็จมาเป็นเครื่องสังเวยบูชาและรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์แล้วก็จะไม่มีความรอด
เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่ผูกมัดอยู่ในความสำคัญส่วนตัวเพื่อตัวเองเองเป็นอย่างมาก หัวใจของผู้คนเป็นเช่นนั้นแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถอดทนฟังบางคนโอ้อวดได้ แต่ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากลับรักที่จะโอ้อวดตัวเอง แต่มีบางครั้งเมื่อผู้เขียนเริ่มที่จะโอ้อวดคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งเป็นพระเยซูที่ช่วยตนให้รอดโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง, และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี อีกนัยหนึ่งผู้เขียนโอ้อวดพระ เยซู ตอนนี้ตนจึงได้บอกและโอ้อวดได้บ่อยเท่าที่จะทำได้ว่าพระเยซูเสด็จมาโลกนี้, ทรงลบมลทินบาปของเรา, ทรงรับเอาบาปของเราไปไว้ที่พระองค์โดยการรับบัพติศมา, พระเยซูทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนตามบัญชีของบัพติศมาของพระองค์ และนี่คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเรา ผู้เขียนไม่มีทางล้มเหลวในการโอ้อวดความจริงนี้ ในการประกาศมันออกไปและถวายพระสิริแด่พระเจ้า
มีวิธีที่หลายคนผู้ที่ประกาศพระวจนะไปในขณะที่ละทิ้งบัพติศมาของพระองค์โดยยืนยันที่จะเชื่อในพระเยซูหรือเพียงโอ้อวดตัวเองโดยการยืมพระนามของพระองค์เท่านั้น มีบาทหลวงผิดๆผู้ที่เคยอ้างว่าเขาใช้จ่ายเงินเดือนนึงแค่ $ 300 ต่อเดือนหากเป็นเช่นนั้น เขาเคยโอ้อวดว่าเขาได้เงินเพียง เดือนละ $ 300 และว่าเขาไม่ได้เอาเงินไปเลยในตอนที่ที่เขาเดินทางเพราะสามัคคีธรรมของเขาเป็นผู้จ่ายให้เขาทั้งหมดแต่เงินของผู้ที่เชื่อไม่ใช่เงินหรือผู้นำคริสเตียนนี้อ้างว่าทั้งหมดที่ต้องทำก็คือการ อธิษฐานเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการอะไร “ พระเจ้า ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้เงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางนี้ด้วยเถิด! ข้าพระองค์เชื่อพระองค์ พระองค์เจ้าข้า! “ ด้วยการอธิษฐานนี้วิสุทธิชนบางคนออกมาและให้เงินต่อเขามากมาย เขายืนยัน ลองดูคนเช่นนั้นผู้ที่กล่าวสิ่งต่างๆเหล่านี้เหมือนกับว่าตนเป็นสิ่งที่ได้โอ้อวดถึง ความคิดแบบไหนที่เกิดขึ้นในใจของท่าน? 
มัทธิว 3:13–17 กล่าวว่า “แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อจะรับบัพติศมาจากท่าน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า ‘ ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระ องค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์’ และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระองค์ และพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออก และพระ องค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนก เขาและสถิตอยู่บนพระองค์ และดูเถิด มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’ “ ข้อความนี้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่พระเยซูทรงรับบัพติศมา เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ณ แม่น้ำจอร์แดน และเสด็จขึ้นมาจากน้ำ ประตูสวรรค์ก็เปิดและมีพระสุรเสียงของพระเจ้า พระบิดาว่า”ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก “ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศจึงรู้สึกงงงวยในตอนนั้น 
ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมารู้สึกประหลาดในถึงสองครั้ง ณ แม่น้ำจอร์แดน เขารู้สึกงงงวยเป็นครั้งแรกตอนที่ได้เห็นพระเยซูเสด็จมาหาเขาและทรงต้องการให้เขาให้บัพติศมาแก่พระองค์ และอีกครั้งหลังจากที่ให้บัพติศมากับพระเยซูแล้ว เมื่อประตูสวรรค์เปิดออกและได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า ”ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก “ 
อะไรคือเหตุผลสำหรับพระเยซูที่จะรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา? มัทธิว 3:15 ได้ให้คำตอบเรา ลองอ่านวรรคที่ 15 และ 16 อีกครั้ง” และพระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า ‘บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ’ แล้วท่านก็ยอมทำตามพระ องค์ และพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และดูเถิด ท้องฟ้าก็แหวกออก และพระ องค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนก เขาและสถิตอยู่บนพระองค์” 
มัทธิว 3:15 บอกเหตุผลที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น แม้ว่าพระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิตของอาณาจักรสวรรค์และทรงเป็นพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์เสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยเรา คนของพระองค์ให้รอดจากบาป อีกนัยหนึ่ง พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่จ่ายค่าจ้างของบาปของเราโดยการรับเอาความผิดบาปเหล่านี้ไว้ที่พระ องค์และทรงเสียสละในที่ของเรา นี่คือเหตุผลที่พระเยซูทรงต้องการรับบัพติศมาจากยอห์น 
แต่ทำไมพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเท่านั้น? เพราะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นตัว แทนมนุษยชาติ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงมา มัทธิว 11:11 กล่าวว่า “ ในบรร ดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา “ ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเคยเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าที่ได้พยากรณ์มาจากช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่าในหนังสือมาลา คี “ดูเถิดเราจะส่งผู้พยากรณ์เอลิยาห์มายังเจ้าก่อนวันแห่งพระเยโฮวาห์ คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพึง กลัวมาถึง “ (มาลาคี 4:5) ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเคยเป็นเอลิยาห์ผู้ที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะส่งมา 
ทำไมพระเจ้าทรงเรียกยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาว่าเอลียาห์? เอลียาห์เคยเป็นผู้พยากรณ์ที่กลับใจชาวอิสราเอลให้กลับมาหาพระเจ้าในตอนนั้นผู้คนชาวอิสราเอลได้สักการะบาอัลเป็นพระเจ้า แต่เอลียาห์แสดงให้พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครคือพระเจ้าที่แท้จริง ระหว่างบาอัลและพระเยโฮวาห์ พระเจ้า เขาเคยเป็นผู้พยากรณ์ที่แสดงให้ชาวอิสราเอลได้เห็นว่าใครคือพระเจ้าที่ดำรงอยู่ด้วยความเชื่อและโดยการสังเวยบูชา และนำพวกเขาผู้ที่เคยนมัสการรูปเคารพให้กลับไปสู่พระเจ้าที่แท้ จริง นี่คือเหตุผลที่ในช่วงสุดท้ายของพันธสัญญาฉบับเก่า พระเจ้าทรงสัญญาว่า “ เราจะส่งเอลียาห์มาหาเจ้า “ เพราะว่ามนุษย์ทุกคนที่สร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าได้เดินทางผิดของการนมัสการรูปเคารพและปีศาจพระเจ้าทรงตรัสว่าจะทรงส่งคนรับใช้ของพระองค์มาผู้ที่นำพวกเขาให้กลับไปสู่พระเจ้าผู้ที่จะมานั้นก็คือยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา 
มัทธิว 11:13–14 กล่าวว่า “ เพราะคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายและพระราชบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้ ถ้าท่านทั้งหลาย จะยอมรับในเรื่องนี้ ก็ยอห์นนี้แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น “ เอลียาห์ผู้ที่จะมานี้เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา ในวรรคที่ 11–12 ได้เขียนเอาไว้ว่า “ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าในบรร ดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเสียอีก และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณา จักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนก็แสวงหาด้วยใจร้อนรนและผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้ “ 
ดังนั้นเมื่อกล่าวว่า ”ในบรร ดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเสียอีก” มันหมายความว่าพระเจ้าทรงยกยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นผู้แทนของมนุษยชาติ พระเจ้าทรงทำให้ยอห์นผู้ให้รับบัตพิศมาเกิดมาก่อนพระเยซูประสูติหกเดือน และทรงเตรียมให้เขาเป็นศาสดาพยากรณ์คนสุดท้ายและปุโรหิตของพันธสัญญาฉบับเก่า ดังนั้นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาผู้เป็นดุจมหาปุโรหิตของโลกนี้ให้บัพติศมาแก่พระเยซู คริสต์และจึงผ่านความผิดบาปทั้งหมดของมนุษยชาติไปสู่พระองค์อีกนัยหนึ่งเหตุผลที่ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้ให้บัพติศมาแก่พระเยซูก็เพื่อผ่านบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระองค์ เหตุผลที่พระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาก็เพื่อรับเอาบาปของมนุษยชาติทั้งหมดไว้ที่พระองค์โดยพิธีรับบัติศมานี้
นี่คือเหตุผลที่พระเยซูทรงตรัสในมัทธิว 3:15 ว่า “ บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” เพราะว่าความชอบธรรมทั้งหมดสมบูรณ์ได้เมื่อพระเยซูทรงรับบัพติศมาจาหยอห์นผู้ให้รีบบัพติศมาเท่านั้นเพื่อยอมรับความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไป พระเยซูทรงกล่าวว่ามันสมควรแล้ว 
 

พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยผู้มีบาปด้วยวิธีนี้
พิธีล้างบาปของพระเยซูบัพติศมานี้ที่พระเยซูทรงรับจากยอห์นเป็นเหมือนการวางมือในพันธสัญญาฉบับเก่า อีกนัยหนึ่งมันเป็นการวางมือที่ทำมาก่อนตรงแท่นเผาเครื่องสังเวยบูชาในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับ เก่าที่ได้ผ่านบาปของคนไปสู่สัตว์สังเสย พระเยซู คริสต์ทรงทำคำสัญญาของการวางมือสมบูรณ์
โดยการเสด็จมายังโลกนี้และรับบัพติศมา คำสัญญาที่ทำเมื่อใดก็ตามที่ได้ถวายเครื่องบูชาที่ผู้มีบาปได้ผ่านบาปของพวกเขาไปสู่สัตว์สังเวยบูชาโดยการวางมือของพวกเขาลงบนหัวของมัน และเมื่อใดก็ตามที่การบูชาประจำปีได้ถวายในวันที่สิบของเดือนเจ็ด วันของการไถ่บาปที่มหาปุโรหิตได้ผ่านบาปประจำปีของชาวอิสราเอลทั้งหมดไปสู่เครื่องสังเวยบูชาโดยการวางมือลงบนหัวของมัน
เพราะว่าพระเยซูทรงยอมรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของโลกนี้ไปสู่พระองค์โดยการรับบัพติศมาเหมือนกับการวางมือของพันธสัญญาฉบับเก่า พระองค์ทรงชำระความผิดบาปทั้งหมดและเพราะว่าทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของมนุษยชาตินี้ไว้ที่พระองค์ พระองค์ทรงรับการปรับโทษบาปในที่ของเราและทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน นี่คือวิธีที่พระเยซู คริสต์ทรงเป็นพระเจ้าที่แท้ จริงของความรอดได้ 
ดังนั้นเราต้องยอมรับอย่างแท้จริงว่าเพราะบาปของเรา เราจึงต้องเผชิญกับความตายและการปรับโทษบาปโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เราต้องรู้จักสิ่งนี้และรู้สึกมัน และเราต้องตระหนักว่าพระเยซู คริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราได้ช่วยเราให้รอดโดยการเสด็จมายังโลกนี้และทรงเสีย สละเพื่อเรานั่นคือโดยพระราชกิจของความรอดของพระองค์โดยบัพติศมา, การถูกตรึงไม้กางเขนและการฟื้นจากความตายของพระองค์ พระเยซู คริสต์ทรงชำระความผิดบาปทั้งหมดของเราและทรงช่วยเราให้รอดจากบาปทั้งหมดของเรา เราต้องเชื่อเช่นกันว่าพระเยซูประทานของประทานของความรอดมาเป็นของประทานให้เรา พระเยซูทรงทรงทำให้ความชอบธรรมทั้งหมดสมบูรณ์เพื่อว่าหากใครก็ตามเพียงแค่เชื่อและใครก็ตามที่ยอมรับมันก็จะรอดอย่างแน่นอน
ในการทำให้เรามาตระหนักในสิ่งนี้ ประตูทางเข้าลานพลับพลาได้ทอขึ้นด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราจะได้เห็นแท่นเผาเครื่องบูชาก่อนหากเราเปิดและเข้าไปในประตูทางเข้าของลานพลับพลา เครื่องบูชาที่เราได้ถวายตรงแท่นเครื่องเผาบูชาเป็นลางล่วงหน้าของวิธีของความรอดที่พระเยซูทรงช่วยเราให้รอด เครื่องบูชาที่ได้สังเวยตรงแท่นเครื่องเผาบูชาจึงได้ยอมรับความชั่วช้าของผู้มีบาปเข้าสู่มันโดยการวางมือและหลั่งเลือดจนตายในที่ของผู้มีบาป เลือดของเครื่องสังเวยบูชาจึงเอาไปใสที่เชิงงอนของแท่น และที่เหลือก็พรมลงบนพื้น จากนั้นพวกเขาก็ถวายเนื้อหนังและไขมันของสัตว์เป็นเครื่องเผาบูชา นี่เป็นวิธีที่ได้ถวายการสังเวยบูชาต่อพระเจ้า ลักษณะทั้งหมดของการสังเวยบูชาเป็นวิธีที่เหมือนกับวิธีที่พระเยซู คริสต์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นว่าพระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้และทรงช่วยเราในวิธีนี้โดยการถวายเครื่องบูชา
มือของผู้มีบาปจะต้องวางลงบนสัตว์สังเวยที่ถวายตรงแท่นบูชาโดยต้องไม่พลาด นี่คือเหตุ ผลที่พลับพลาได้บอกเราถึงข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ พระเยซูเสด็จมาโลกนี้ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปของมนุษยชาติไว้ที่พระองค์ บัพติศมาเป็นแบบของความรอดที่พระคริสต์ทรงได้รับในการเป็นเครื่องสังเวยบูชาของผู้มีบาปทั้งหมดของโลกนี้ต่อพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา 
ตอนนี้เราได้มีความเชื่อที่ชัดเจนโดยพลับพลานี้ พระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้เพื่อรับเอาความผิดบาปไว้ที่พระองค์และทรงเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเรา ทรงเป็นเครื่องบูชาของเราจริงๆ และทรงช่วยเราให้รอดจากบาปและการปรับโทษบาปของเรา เหมือนกับการสังเวยบูชาที่ยอมรับบาปของชาวอิสราเอลในวันแห่งการไถ่บาปผ่านการวางมือของมหาปุโรหิต และเหมือนกับมันได้สังเวยในที่ของพวกเขาเพราะตอนนี้บาปได้ผ่านไปสู่มันแล้ว (เลวีนิติ 16) ตอนนี้เราเชื่อทั้งหมดในความรอดของความรักโดยการเชื่อในความจริงนี้ที่เราจะสามารถของพระคุณและจ่ายหนี้ต่อพระเจ้าได้สำหรับความรอดของความรักที่พระองค์ประทานให้เรามา
ไม่ต้องสงสังว่าคนๆหนึ่งความรู้ของพลับพลาเพียงใด หากเขาหรือเธอไม่เชื่อแล้ว ความรู้ทั้งหมดก็จะไร้ประโยชน์ ดังนั้นเราจะต้องตระหนักเช่นเดียวกับการเชื่อว่าบัพติศมาของพระเยซูนั้นมีความสำคัญอย่างแท้จริงเพียงใด พลับพลามีสามประตูทางเข้า ทั้งหมดได้ทอขึ้นด้วยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี ผู้คนอาจจะอธิบายประตูทางเข้าพลับพลาอย่างแตกต่างกันเพราะความไม่รู้ของพวกเขา 
ในการลำดับด้ายอันดับแรกต้องทอด้วยด้ายสีฟ้าตามด้วยสีม่วง, สีงแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีต้องทำประตูด้วยวิธีนี่เท่านั้นที่อธิบายได้อย่างถูกต้องตามประตูทางเข้าพลับพลาที่แท้จริงเพราะนี่คือวิธีที่แท้จริงที่พระเจ้าทรงรับสั่งให้ชาวอิสราเอลสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาของพันธสัญญาฉบับเก่า 
มีเหตุผลที่ประตูทางเข้าจะต้องทำด้วยวิธีนี้ หากพระเยซู คริสต์ไม่ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับความผิดบาปของเราทั้งหมดไว้ที่พระองค์ พระองค์ก็ไม่สามารถเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าพระองค์ประสูติมาบนโลกนี้เพื่อเป็นผู้ช่วยให้รอดของมนุษยชาติในเนื้อหนังมนุษย์และผ่านร่างกายของหญิงพรหมจรรย์มารีย์อย่างไร หากพระองค์ไม่ได้รับบัพติศมา พระองค์ไม่สามารถจะถูกตรึงไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์บนนั้นได้เช่นกัน ดังนั้นด้ายสีฟ้าจึงต้องทอขึ้นก่อน และความ สัมพันธ์ของมันจึงมีความสำคัญอย่างแท้จริง
 

เราจะต้องเชื่อในผู้ใด?
 
ดังนั้น เราจะต้องเชื่อในพระเยซู คริสต์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดจากบาป เราเกิดใหม่ได้เมื่อเราเชื่อความรอดที่พระบุตรของพระเจ้า พระเยซู คริสต์ ผู้ช่วยให้รอดของเราประทานมาให้เรา เมื่อเราเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าว่าเป็นพระเจ้าของความรอด ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระ องค์เพียงครั้งเดียวโดยการรับบัพติศมาเพื่อเรา และแบกรับการปรับโทษบาปบนไม้กางเขน และเมื่อเราเชื่อในความจริงที่พระองค์เสด็จมายังโลกนี้เราก็จะสามารถได้รับความรอดของเราทั้งหมด 
เพราะว่าพระเยซู คริสต์ไม่ได้รับเอาความผิดของเราไว้ที่พระองค์ในวิธีอื่นที่ไม่ใช่การรับบัพติศมา เพียงแค่การแบกรับความผิดบาปของเราโดยวิธีที่ถูกต้องนี้พระองค์จึงเสด็จไปบนไม้กาง เขนได้ ทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์และสิ้นพระชนม์บนนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าได้อย่างไรและพระองค์เสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราในโลกนี้ได้อย่างไร หากพระองค์ไม่ได้รับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์ ความรอดของเราจึงพบไม่ได้ในโลกนี้ 
ดังนั้น มันจำเป็นที่ท่านจะยืนยันหลักฐานตามพระคัมภีร์ในรายละเอียดที่จะตัดสินอย่างสมบูรณ์ว่าบาปของท่านได้ลบมลทินบาปออกไปเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้ลองสมมุติว่าท่านติดหนี้ค่อนข้างมาก จากนั้นบางคนกล่าวว่า “ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจ่ายให้คุณ ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เราจะแก้ปัญหานี้ให้เอง “ เมื่อใดก็ตามที่ท่านพบเขา ชายผู้นี้ก็จะบอกว่า “ ผมไม่ได้บอกคุณว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกหรือ? ผมบอกคุณว่าจะจัดการกับมันเอง! “ ลองมาสมมุติว่าคนผู้นี้ก็คงจะโกรธและถามท่านว่าทำไมท่านไม่เชื่อเขา แม้ว่าคนผู้นี้จะบอกท่านทุกวันว่า “ ผมจะจ่ายมันทั้งหมด เชื่อผม “ เมื่อเราไม่ได้จ่ายหนี้ให้ท่านจริงๆ ท่านจะเป็นอิสระอย่างแท้ จริงจากหนี้นี้เพียงแม้เชื่อเขาไหม? ไม่อย่างแน่นอน 
ไม่ต้องสงสัยว่าเขาบอกท่านด้วยความมั่นใจเพียงใด “ หากคุณเชื่อผม หนี้ทั้งหมดก็จะได้ชำ ระหมด “ หากเขาไม่ได้จ่ายมันหมดจริงๆ ท่านก็ยังคงมีหนี้อยู่ และคนนี้ก็เพียงแต่หลอกลวงท่านเท่า นั้น ดังนั้นท่านก็ขอเขาหลายต่อหลายครั้ง “ ดังนั้น ท่านจะจ่ายหนี้ให้ฉันไหม? “ แล้วเขาก็จะบอกกับท่านซิอีกว่า “ ทำไมคุณสงสัยมากจึงเลย? ให้วางใจผมอย่างไม่ต้องมีข้อแม้! ผมบอกคุณว่าผมจะจ่ายหนี้ให้คุณหมด ทั้งหมดที่คุณจะต้องทำก็คือเชื่อผม อย่าเป็นอย่างนี้! “ ดังนั้นลองสมมุติอีกครั้งว่าท่านเชื่อเขาหมดใจ แต่ไม่ต้องสงสัยว่าท่านเชื่อเขามากน้อยเพียงใด หากเขาไม่จ่ายหนี้ให้ท่านจริงๆแล้วคำพูดของเขาจึงโกหกทั้งหมด
 

นี่คือลักษณะของความเชื่อของคริสเตียนในปัจจุบันนี้
 
คริสเตียนในปัจจุบันนี้กล่าวว่า “ พระเยซู ทรงช่วยท่านโดยการหลั่งพระโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงแบกรับเอาการปรับโทษบาปทั้งหมดที่นั่น นี่คือวิธีที่พระองค์ทรงช่วยท่านให้รอด “บาทหลวงหลายท่านประกาศออกไปเช่นนี้ เมื่อในบางคนในกลุ่มผู้ชุมนุมของพวกเขาลุกขึ้นและบอกพวกเขาว่า “ แต่ฉันยังคงเต็มไปด้วยบาป “พวกเขากล่าวว่า “มันเป็นเพราะว่าท่านมีความเชื่อเพียงเล็กน้อย เพียงแค่เชื่อ! การไม่เชื่อคือบาปของท่าน! “ฉันต้องการที่จะเชื่อจริงๆ แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงเชื่อไม่ได้ “ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันยังคงเต็มไปด้วยบาปอยู่แม้ว่าฉันเชื่อก็ตาม “ฉันเชื่อมันจริงๆ “ท่านไม่มีความเชื่อที่เพียงพอ ท่านต้องเชื่อให้มากกว่านี้ ปีนขึ้นไปบนภูเขาและพยายามอดอาหาร เชื่อในขณะที่ไม่กินอาหารของท่าน “ฉันเชื่อในขณะที่ไม่ทานอาหารสักมื้อแค่นั้นได้ไหม? “ไม่ท่านต้องพยายามที่จะเชื่อในขณะที่อดอาหาร 
บาทหลวงหลายคนในปัจจุบันนี้ บอกท่านให้เชื่อ และพวกเขาก็ได้แต่เพียงตำหนิท่านหากท่านไม่เชื่อ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาของความผิดบาปของท่าน ในส่วนของท่าน ท่านพยายามที่จะเชื่อและมันยากที่จะเชื่อ หรือท่านเชื่ออย่างแท้จริงด้วยความมืดบอดแต่ปัญหาบาปของท่านก็ยัง คงอยู่ แล้วมีมีอะไรผิดตรงนี้หรือ? อะไรที่จะอธิบายสิ่งนี้ได้? ผู้คนไม่สามารถมีความเชื่อที่แท้จริงและแรงกล้าได้เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูทรงรับเอาความผิดบาปทั้งหมดของพวกเขาไว้ที่พระ องค์โดยการรับบัพติศมา มันเป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อในการหลอกลวงทั้งหลายโดยที่ไม่ได้แก้ปัญ หาบาปของพวกเขาไม่ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาเชื่อมากน้อยเพียงใด 
ความเชื่อมาโดยการเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไขโดยไม่มีหลักฐานที่แน่นอนไหม? ไม่อย่างแน่ นอน! ความเชื่อทั้งหมดมาเพียงครั้งเดียวเพียงเมื่อท่านทราบว่าปัญหาบาปนั้นได้แก้ไขจริงและเชื่อมัน “ แม้ว่าข้าพระองค์สงสัยในพระองค์ มันก็ยังไม่ชัดเจนว่าพระองค์ทรงแก้ปัญหาบาปของข้าพระ องค์แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าข้าพระองค์พยายามที่จะไม่เชื่ออย่างไร ข้าพระองค์ก็ไม่มีทางเลือกที่จะเชื่อในความรอดของพระองค์ เพราะความรอดนี้มันแน่นอนนัก ขอบพระคุณสำหรับการแก้ไขปัญหาให้ข้าพระองค์ “ อีกนัยหนึ่ง แม้เราสงสัยในตอนแรก เพราะว่าหลักฐานของความรอดของเรานั้นช่างชัดเจนเราจึงไม่มีความสงสัยอีกต่อไป พระเยซูทรงแสดงหลักฐานที่เรียกว่าข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเป็นเครื่องหมายและหลักฐานของความรอดของเรา “ เราได้จ่ายหนี้ให้เจ้าโดยวิธีนี้ “เพียงเมื่อเราดูที่หลักฐานนี้ที่แสดงว่าหนี้ของเราได้จ่ายไปหมดแล้วนั้นความเชื่อที่แท้จริงก็มาหาเรา
เราไม่สามารถเชื่อได้แม้ว่าเราได้ยืนยันที่จะเชื่อในพระเจ้าและอ้างว่าเชื่อในผู้ช่วยให้รอด โดยกล่าวว่า พระเยซู คริสต์ ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของเรา เมื่อเราไม่มีหลักฐานในวิธีที่ทรงช่วยเราและวิธีที่บาปของเราได้รับการชำระออกไป อีกนัยหนึ่ง เราไม่สามารถยืนยันความเชื่อได้ถ้าเราไม่ได้เห็นหลักฐานที่แสดงถึงการจ่ายค่าจ้างของบาปทั้งหมดได้ ผู้คนผู้ที่เชื่อโดยไม่ได้เห็นหลัก ฐานนี้อาจจะเกิดความรู้สึกของความเชื่อที่แรงกล้าก่อน แต่ในความจริงความเชื่อของพวกเขานั้นมืดบอดได้โดยง่ายมันไม่มากไปกว่าการเชื่ออย่างคลั่งใคล้เลย 
 

ท่านคิดว่าการเชื่ออย่างคลั่งใคล้นั้นเป็นความเชื่อที่ดีไหม?
 
ท่านจะชอบอย่างไรหากบาทหลวงที่มีความเชื่ออย่างคลั่งใคล้ต้องการที่ได้ความคลั่งใคล้ เช่นเดียวกันจากผู้อื่นเช่นกัน? “ เชื่อสิ! รับไฟ! ไฟ, ไฟ, ไฟ! พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นเหมือนไฟ เติมเต็มเราด้วยไฟ! เราเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะอวยพระพรให้ท่านทั้งหมด! เราเชื่อว่าพระองค์จะทรงทำให้ท่านทั้งหมดร่ำรวย! เราเชื่อว่าพระองค์จะอวยพระพรให้ท่าน! เราเชื่อว่าพระองค์จะทรงรักษาท่าน! “ เมื่อบาทหลวงเช่นนั้นได้ให้ความเชื่อเช่นนี้แสดงขึ้นมา หูของพวกเขาก็สะเทือนขึ้น หัวใจของพวกเขาก็เริ่มกระโดดขึ้น เมื่อเขาเริ่มตะโกนว่า “ ไฟ, ไฟ, ไฟ “ หัวใจของผู้ฟังทั้งหลายก็เริ่มกระ โดดจากเสียงอันทรงพลังของเขาที่เหมือนระบบเสียงคุณภาพสูงสุด จากนั้นพวกเขาก็จะเกิดอารมณ์ที่ท่วมท้นราวกับว่าความเชื่ออันแรงกล้าเกิดขึ้นจริงกับพวกเขา และร้องคร่ำครวญออกมาว่า “ มาเถอะ พระเยโฮวาห์ พระเยซู! โอ มาเถอะ พระวิญญาณบริสุทธิ์ “ 
ประมาณในช่วงเวลานี้ บาทหลวงก็กระตุ้นอารมณ์ของผู้ฟังมากขึ้นโดยกล่าวว่า “เรามาอธิษฐานกัน เราเชื่อว่าตอนนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาและเติมเต็มเราทั้งหมดแล้ว” วงได้เล่นเพลงท่วงทำนองที่กระตุ้นจูงใจ และผู้คนก็ยกมือสูงขึ้น เกิดความกระตือรือร้น และอารมณ์ของพวกเขาก็แรงขึ้นจนถึงจุดไคลแม็กซ์ นี่คือตอนที่บาทหลวงบอกเป็นนัยว่า “เรามาถวายเครื่องบูชา โดย เฉพาะอย่างยิ่งในเย็นนี้ พระเจ้าทรงต้องการรับของบูชาพิเศษจากท่าน เราลองมาถวายเครื่องบูชาพิเศษแก่พระเจ้า “ 
ด้วยอารมณ์ที่เกิดอย่างท่วมท้น ผู้คนจึงจบลงด้วยกระเป๋าที่ว่างเปล่า บาทหลวงผิดๆนี้ได้จัดเตรียมนักเทศน์อาชีพมากมายพอที่จะรวบรวมเงินได้ พวกเขาก็เอาตาข่ายดักผีเสื้อออกมา (ขันเก็บเงิน) เมื่อวงดนตรีเราเล่นเพลงและหัวใจของผู้คนก็เกิดความตื่นเต้นอย่างแรง จากนั้นเขาก็ส่งคนไปเก็บผีเสื้อ (อาสาสมัครผ่านขันเก็บเงิน) กับผู้ฟังทั้งหลาย 
บาทหลวงผิดๆเช่นนั้นได้นำผู้คนไปหลั่งน้ำตาและเปิดกระเป๋าเงินตัวเองโดยการโกหกว่ายิ่งได้ถวายมากเท่าใดก็หมายถึงได้รับพระพรมากเท่านั้น และโดยการกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนนั่น เอง มันคือการให้พวกเขาให้เงินโดยไม่ได้ตระหนักว่าถูกผลักดันพวกเขาจากการหลอกลวงและให้พวกเขามีความรู้สึกท่ามท้นแทน นี่ไม่ได้ขึ้นตามพระวจนะของพระเจ้า และไม่ใช่คำสอนใดๆ แต่เป็นการกระทำที่คลั่งใคล้และมืดบอดที่อยู่บนการหลอกลวงนั่นเองบาทหลวงผู้มีความเชื่อที่คลั่งใคล้ เช่นนี้กระตุ้นอารมณ์ของผู้คนให้เข้าถึงเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา 
หากเราทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์ และหากเราเชื่อในพระเยซู คริสต์ว่าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วเราไม่สั่นไหวแต่ยังคงมีสันติสุขอยู่ สิ่งเดียวที่ดลใจเราอย่างเงียบๆก็คือพระเยซูทรงแบกรับเอาบาปของเราไปโดยบัพติศมาของพระองค์และถูกตรึงบนไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์ เมื่อเราคิดถึงสิ่งนี้ว่าพระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเจ้า ทรงรับเอาความผิดบาปไว้ที่พระองค์โดยบัพติศมาของพระองค์และทรงจ่ายค่าจ้างของบาปเหล่านี้ เราจะขอบพระคุณพระองค์อย่างแท้จริง และหัวใจของเราจะเต็มไปด้วยความปีติยินดี อย่างไรก็ตามแรงดลใจอันสงบสุขในหัวใจเรานี้อยู่ห่างไกลจากสิ่งอื่นใดในโลก ไม่ว่าการสาร ภาพรักอันแสนโรแมนติก หรือของขวัญล้ำค่าใดๆที่เป็นเพ็ชรนิลจินดาทางโลกที่จะสามารถเป็นแรงดลใจได้มากกว่าสิ่งนี้ 
ในทางตรงกันข้าม แรงบันดาลใจทางอารมณ์ของความคลั่งใคล้อยู่ได้ไม่นาน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในแรงดลใจนี้ในชั่วขณะหนึ่ง เมื่อพวกเขาทำบาปทุกวันและรู้สึกอัปยศจากบาปเช่นนั้น พวกเขาก็จะต้องหลบหน้าด้วยความละอาย “ เมื่อพระเยซูทรงรับเอาการปรับโทษบาปของเราและสิ้น พระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเราทำไมฉันยังคงทำบาปทุกวันอยู่? “ พวกเขาจึงเสียหน้าและไม่มีแรงดลใจนั้นอีกต่อไปเมื่อแล้ว มากไปกว่านั้นพวกเขาก็เกิดความละอายไม่สามารถไปพบพระเจ้าได้ 
นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นแท่นเผาเครื่องบูชา เครื่องสังเวยบูชาที่ได้ถวายตรงแท่นเผาบูชานี้ตามระบบการสังเวยบูชาจึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากพระเยซู คริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา ดังนั้น แท่นเผาบูชาจึงแสดงว่าพระเยซูแสด็จมายังโลกนี้และทรงช่วยเราให้รอดเพียงครั้งเดียวทั้งหมดโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่านเนื้อดีพระเจ้าทรงทำให้เราได้เห็นแท่นเผาเครื่องสังเวยบูชา และทรงต้องการให้เราได้รอดโดยการเชื่อมัน
 

สิ่งที่เราจะต้องทำในยุคนี้คืออะไร?
 
มีหลายสิ่งที่เราผู้ที่เกิดใหม่จะต้องทำในยุคนี้ สิ่งแรกเลยเราต้องประกาศข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณออกไปทั่วโลก เราต้องเผยแพร่ความจริงไปสู่ผู้ที่ยังคงไม่ทราบในความจริงของด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี และเราต้องช่วยพวกเขาผู้ที่เชื่อตามพระเยซูโดยไม่ ได้ตระหนักและเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณที่ได้แสดงในพลับพลา 
มีหลายสิ่งที่เราจะต้องทำในการประกาศข่าวประเสริฐนี้ไปสู่พวกเขา เราจะต้องตีพิมพ์หนัง สือของเราที่เราได้ส่งออกไปแล้วทั่วโลก จากการแปล การพิสูจน์อักษร และแก้ไขที่จะทำให้หนัง สือเล่มนี้ให้ความปลอดภัยในกองทุนที่จำป็นในการจัดพิมพ์และส่งมันออกไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นงานมากมายที่จะต้องทำ 
ดังนั้นเมื่อเรามองดูผู้ร่วมทำงานของเรา เราเห็นได้ว่าพวกเขายุ่งเพียงใด เพราะว่าเหล่าวิสุทธิชนและผู้ร่วมงานในคริสตจักรของพระเจ้าทั้งหมดนั่นยุ่งมากในวิธีนี้พวกเขาต้องเข้าสู่ช่วงเวลาอัน ยากลำบากทางกาย มีการกล่าวว่านักวิ่งมาราธอนได้เข้าไปถึงจุด 42.195 กิโลเมตรเมื่อพวกเขาหมดแรง โดยที่พวกเขาไม่มั่นใจว่าหากพวกเขาวิ่งอยู่หรือกำลังทำบางสิ่งที่แตกต่างกันทั้งหมด การหมดแรงจะทำให้พวกเขารู้สึกว่างเปล่าทางจิตใจ บางทีตอนนี้เราจะต้องเข้าถึงจุดนี้ในการวิ่งเพื่อข่าวประ เสริฐของเราแล้ว การมีชีวิตเพื่อข่าวประเสริฐก็เหมือนกันการวิ่งทางไกลไปสู่จุดหมายของเราโดยไม่มีการหยุด เหมือนกับที่นักวิ่งมาราธอนทำ เพราะว่าการวิ่งของเรานั้นเพื่อข่าวประเสริฐที่จะต้องไปจนถึงวันของการเสด็จมาของพระผู้เป็นเจ้าของเรา เราจึงเผชิญกับความยากลำบาก 
แต่เพราะพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงอยู่ในเรา เพราะว่าเรามีข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญ ญาณ เพราะความเชื่อของเราที่เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเราโดยด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี และเพราะเราเชื่อในความจริงที่แน่นอนที่สุด เราจึงได้รับพลังใหม่ทั้งหมด มันเป็นเพราะพระเยซูทรงประทานของประทานของความรอดที่ท่านและผู้เขียนได้รับนี้ให้เรา ดังนั้นความยากลำบากของเนื้อหนังของเราจึงไม่สามารถรบกวนเราได้ ในทางตรงกันข้ามยิ่งมันยากลำบากเพียง ใด ก็จะได้รับพลังอันชอบธรรมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ขอขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง
ในหัวใจของเรา ในความคิดของเรา และในสภาพแวดล้อมที่แท้จริงทั้งหมดทางจิตวิญญาณ เราสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้เรา และที่พระองค์ทรงอยู่กับเรา เพราะว่าเรารู้ สึกได้ว่าพระองค์ทรงช่วยเราและทรงยึดเรา และว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา เราจึงขอบพระคุณพระ องค์มากขึ้น ดังนั้น อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “ ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้ โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำ ลังข้าพเจ้า “ (ฟีลิปปี 4:13) เราจึงสารภาพทุกวันว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงประทานพลังมาให้เรา ไม่เพียงแต่พระเยซู คริสต์ทรงรับบัพติศมาเพื่อเราเท่านั้น แต่พระองค์ทรงเสียสละเพื่อเราโดยการถูกตรึงไม้กางเขน, การเผชิญกับความตายของพระองค์, การฟื้นขึ้นมาจากความตาย และการเสด็จมาเป็นผู้ช่วยให้รอดของเราด้วย เมื่อมใดก็ตามที่เรามองดูตรงแท่นเผาเครื่องบูชา เราจะระลึกถึงความจริงนี้ 
แท่นเผาเครื่องบูชาได้ทำขึ้นจากไม้กระถินเทศ และมันหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์สูง 1.35 เมตร และมีตาข่ายทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ใกล้ๆกึ่งกลาง ความสูงประมาณ 68 ซ.ม. เนื้อหนังของเครื่องบูชาได้วางตรงนั้นและถูกเผา 
เมื่อใดก็ตามที่เรามองดูแท่นเผาเครื่องบูชา เราต้องเห็นตัวเราเองได้ตามที่เราเป็น เราจะต้องเห็นได้เช่นกันว่าพระเยซู คริสต์ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์โดยการรับบัติศมาในเนื้อหนังของพระองค์ และว่าพระองค์ทรงแบกรับการปรับโทษบาปของเราโดยการหลั่งพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน ท่านและผู้เขียนจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างแท้จริงแต่ตายต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะบาปและการปรับโทษบาปของเรา เพราะว่าบาปและการปรับโทษบาปของเรา ท่านและผู้เขียนจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องตายและถูกสาปอย่างเป็นนิรันดร์ แต่เพราะพระเยซู คริสต์ ผู้เสด็จมายังโลกนี้เพื่อเป็นเครื่องสังเวยบูชาของการไถ่บาปอันเป็นนิรันดร์ ทรงรับบัพติศมา และสิ้นพระชนม์ เหมือนกับเครื่องสังเวยบูชาของพันธสัญญาฉบับเก่าที่เราทั้งหมดจึงรอด 
สัตว์สังเวยบูชาอาจจะดูน่ารักเมื่อตอนที่มันมีชีวิตอยู่ แต่มันจะน่าสะอิดสะเอียนอย่างไรหากมันต้องหลั่งเลือดจนตายจากการถูกปาดคอหลังจากที่รับบาปผ่านการวางมือ? การที่เราผู้ที่จะต้องตายในวิธีที่น่าสะอิดสะเอียนนี้ได้หลุดรอดจากการการปรับโทษบาปคือพระพรอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริง พระพรนี้เป็นไปได้เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานของประทานของความรอดมาให้เรา พระเยซู คริสต์เสด็จมายังโลกนี้ในเนื้อหนังของมนุษย์ได้ช่วยท่านและผู้เขียนโดยบัพติศมาและพระโลหิตของพระองค์บนไม้กางเขน และได้ประทานของประทานของความรอดมาให้เราเหมื่อนกับที่แสดงในด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี พระเจ้าทรงประทานของประทานของความรอดมาให้ท่านและผู้เขียน ท่านเชื่อสิ่งนี้ในหัวใจของท่านไหม? ท่านเชื่อในของประทานของความรอดที่เป็นความรักของพระเจ้าไหม? เราจะต้องมีความเชื่อนี้ทั้งหมด 
เมื่อเราดูที่แท่นเผาเครื่องบูชา เราต้องตระหนักว่าพระเยซู ทรงช่วยเราด้วยวิธีนี้ พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนเช่นนี้เพื่อประทานของประทานของความรอดมาให้เรา พระเยซูประทานความรอดของเราโดยการทุกข์ทรมานมาให้เราเหมือนกับการวางมือบนเครื่องสังเวยบูชา และเหมือนกับเครื่องสังเวยบูชานี้ได้หลั่งเลือดจนตาย นี่คือวิธีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดจากบาป เราจะต้องตระ หนักในสิ่งนี้ เชื่อในหัวใจของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์อย่างหมดใจ 
พระเจ้าทรงต้องการให้เราได้รับความเชื่อเป็นของประทานและความรักของความรอดที่พระองค์ประทานมาให้เรา พระองค์ทรงต้องการให้เราเชื่อในหัวใจของเราในความรอดของบัพติศมาและพระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขนที่พระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์โดยการเสด็จมาโดยน้ำและพระวิญญาณ มันเป็นความหวังของผู้เขียนที่ท่านจะเชื่อทั้งหมดในความรักของพระผู้เป็นเจ้า ของเราในหัวใจของท่านและยอมรับของประทานของความรอดของพระองค์ ท่านยอมรับมันไว้ในหัวใจของท่านอย่างแท้จริงไหม?
 

ผู้ใดได้เสียสละในวิธีนี้เพื่อท่าน?
 
ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้เห็นพยานคนหนึ่งกล่าวว่า “ ผู้ใดจะตายเพื่อท่าน? ทุกวันนี้ท่านได้พบกับใครที่จะให้ความสบายแก่ท่าน? พระเยซู คริสต์ทรงเสียสละเพื่อท่าน หัวใจของท่านไม่ได้สบายด้วยสิ่งนี้หรือ? “ผู้ใดจะแบกรับบาปของท่านอย่างแท้จริงโดยการรับบัพติศมาและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนในที่ของท่านเพื่อลบมลทินบาปของท่าน? ผู้ใดจะหลั่งเลือดของเขาหรือเธอและตายเพื่อความรักของเขาหรือเธอ? ผู้ใดที่ต้องการที่จะเผชิญกับการเสียสละนี้เพื่อท่าน? เป็นญาติของท่านหรือ? หรือเป็นบุตรของท่าน? หรือเป็นพ่อแม่ของท่าน? 
ไม่มีใครพวกนั้นเลย แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างท่านมา พระเจ้านี้เสด็จมาโลกนี้ในเนื้อหนังมนุษย์ ทรงรับบัพติศมาเพื่อรับเอาความผิดบาปของท่านไว้ที่พระองค์ ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อแบกรับการปรับโทษบาปของท่าน ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริงของท่าน ทรงฟื้นขึ้นมาจากคตวามตาย เพื่อช่วยท่านให้รอดจากบาป ทรงดำรงอยู่ในตอนนี้ด้วยและประทานความรอดและความรักของพระองค์มาให้ท่าน ท่านต้องการที่จะยอมรับความรอดของความรักนี้เข้าสู่หัวใจของท่านอย่างแท้จริงไหม? ท่านเชื่ออนย่างแท้จริงในหัวใจของท่านไหม? 
ใครก็ตามที่เชื่อจะได้รับพระผู้เป็นเจ้า และใครก็ตามที่รับพระองค์จะรอด การได้รับพระ องค์หมายความถึงการยอมรับความรอดและความรักที่พระคริสต์ประทานให้เรามา จากการเชื่อในหัวใจของเราในความรักนี้, การยกความผิดบาปนี้, การแบกรับบาปนี้ และการปรับโทษบาปนี้ที่เรารอด นี่คือความเชื่อที่ได้รับเป็นของประทานของความรอด 
ทุกสิ่งของพลับพลาแสดงถึงพระเยซู คริสต์ พระเจ้าไม่ทรงต้องการเสียสละใดๆจากเรา ทั้ง หมดที่พระองค์ทรงร้องขอจากเราคือการที่เราเชื่อในของประทานของความรอดที่พระองค์ประทานให้เรามาในหัวใจของเรา “ เรามายังโลกนี้เหมือนเครื่องสังเวยบูชาของพันธสัญญาฉบับเก่า เพื่อให้ของประทานของความรอดให้เจ้า เรายอมรับบาปทั้งหมดของเจ้าให้ผ่านมาสู่เราโดยการวางมือ และเหมือนกับการสังเวยบูชานี้เราแบกรับการปรับโทษบาปอันน่าสะอิดสะเอียนของเจ้าเอาไว้ นี่คือวิธีที่เราช่วยเจ้าให้รอด “ นี่คือสิ่งที่พระเจ้ากำลังบอกเราอยู่ผ่านพลับพลา 
ไม่ต้องสงสัยว่าพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดอย่างไร พระองค์ทรงรักเรามากเช่นนี้และประ ทานของประทานของความรอดอันสมบูรณ์ในวิธีนี้มา หากเราไม่เชื่อทุกสิ่งก็จะไม่มีประโยชน์อะไร เกลือที่อยู่ในชั้นวางของของท่านจะต้องเอาใส่ซุปก่อนเพื่อให้ได้รสเค็ม เหมือนกันนี้หากท่านและผู้ เขียนไม่เชื่อมันในหัวใจของเรา แม้แต่ความรอดอันสมบูรณ์ของพระองค์ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้น เชิง หากเราไม่ขอบคุณข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณเข้าสู่หัวใจเราและไม่ยอมรับมันเข้าสู่หัวใจเราแล้ว การเสียสละของพระเยซูก็จะไม่มีค่าอะไร 
ความรอดเป็นของท่านได้เมื่อท่านรู้ว่าอะไรคือการเสียสละและความรักของพระเยซู ผู้เป็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดได้ประทานมาให้ท่าน ยอมรับมันเข้าสู่หัวใจของท่านและขอบพระคุณพระองค์ หากท่านไม่ยอมรับของประทานของความรอดอันสมบูรณ์เข้าสู่หัวใจของท่านแต่เพียงเข้าใจมันในหัวของท่านแล้ว มันก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
 

ทั้งหมดที่ท่านจะต้องทำคือคว้าเอาความจริงไว้
 
มันไม่เป็นไรหรอกว่าซุปของท่านกำลังต้มบนเตามากเพียงใด หากท่านคิดถึงตัวเองว่าท่านกำลังจะใส่เกลือลงไปและยังไม่ได้ทำเช่นนั้น ซุปของท่านก็จะไม่มีทางเค็มได้ ท่านรอดได้เพียงเมื่อท่านยอมรับในหัวใจของท่านและเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยท่านให้รอดจากบาปโดยการรับบัพติศมาและเสียสละเพื่อเรา เมื่อพระเจ้าประทานของประทานของความรอดมาให้ท่านด็ให้ยอม รับมันด้วยความขอบคุณอย่างยิ่ง เมื่อพระผู้เป็นเจ้าของเรากำลังบอกเราว่าพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดทั้งหมด สิ่งถูกต้องสำหรับเราที่จะทำก็คือการเชื่อเช่นนั้นโดยง่าย
ความรักของพระเจ้าที่พระองค์ประทานให้ท่านมานั้นมีเพียงครึ่งหนึ่งของหัวใจใช่ไหม? ไม่อย่างแน่นอน! ความรักของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นสมบูรณ์ยิ่ง อีกนัยหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงช่วยท่านและผู้เขียนอย่างสมบูรณ์และเรียบร้อย เพราะว่าพระองค์ทรงรับเอาความผิดบาปของเราไว้ที่พระองค์อย่างสมบูรณ์ด้วยบัพติศมาและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระองค์อย่างแน่นอน เราจึงไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความรักนี้ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดอย่างสมบูรณ์และประ ทานของประทานของความรอดให้เรา เราจะต้องยอมรับของประทานของความรอดทั้งหมดที่พระเจ้าประทานให้เรามานี้ 
สมมุติว่าผู้เขียนได้ถือเครื่องเพ็ชรที่มีค่าที่ทำจากเพ็ชรล้ำค่าอยู่ หากผู้เขียนให้ท่านเป็นของ ขวัญ ทั้งหมดที่ท่านจะต้องทำก็คือเพียงยอมรับมันตามสัญชาติญาณ ไม่ใช่กรณีนี้หรือ? ในการที่จะทำมันเพื่อท่านนั้นมันง่ายเพียงใด? ในการทำให้เครื่องเพ็ชรนี้เป็นของท่าน ทั้งหมดที่ท่านจะต้องทำคือเข้าให้ถึงและคว้ามัน แค่นั้น 
หากเพียงท่านเปิดหัวใจของท่านและผ่านบาปทั้งหมดของท่านเข้าสู่พระเยซูโดยบัพติศมาของพระองค์ ท่านสามารถได้รับการยกความผิดบาปทั้งหมดและเติมใจของท่านให้เต็มได้ด้วยความจริง นี่คือวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่าพระองค์จะประทานความรอดเป็นของประทานให้เราฟรีๆ ความรอดเป็นของท่านได้โดยการเข้าให้ถึงและความมันเท่านั้น 
เราได้รับความรอดของเราเป็นของประทาน โดยไม่ต้องจ่ายมันเงินแม้แต่เซ็นต์เดียวเลย และเพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ที่พอพระทัยที่จะประทานของประทานนี้ให้แก่ผู้ใดก็ตามที่ต้องการรับมัน อวยพระพรให้แก่ผู้ที่ได้รับมันด้วยความขอบคุณ คนทั้งหลายที่ยอมรับความรักของพระเจ้าด้วยความยินดีได้สวมในความรักของพระองค์แล้ว และพวกเขาจึงเป็นรักผู้ที่ประทานให้มานี้ เพราะจากการยอมรับมัน พวกเขาจะต้องเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ การยอมรับของประทานนี้คือสิ่งถูกต้องที่จะต้องทำ เพียงเมื่อท่าน ยอมรับของประทานของความรอดของความรอดอันสมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานให้ท่านมานั่นคือของประทานของความรอดที่แท้จริงจะเป็นของท่านได้ หากท่านไม่ยอมรับมันเข้าสู่หัวใจของท่านแล้ว ของประทานของความรอดก็จะไม่มีทางเป็นของท่านได้ โดยไม่ต้องสงสัยว่าท่านพยายามอย่างหนักเพียงใด
ผู้เขียนก็ได้รับของประทานของความรอดเช่นเดียวกัน “ อาร์! พระผู้เป็นเจ้าทรงรับบัพติศมาในวิธีนี้เพื่อเรา พระองค์ทรงแบกรับเอาการปรับโทษบาปทั้งหมดของเราไปโดยการรับบัพติศมา พระองค์ทรงรับบัพติศมาเพื่อผู้เขียนเอง ขอขอบพระคุณ พระองค์เจ้าข้า! “ นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนได้มาเชื่อ ดังนั้น ตอนนี้ผู้เขียนจึงไม่มีบาป ผู้เขียนได้รับการยกความผิดบาปที่สมบูรณ์ หากท่านอยากจะได้รับการยกความผิดบาปและรอดเช่นเดียวกัน ยอมรับมันในตอนนี้ 
ผู้เขียนได้คิดเกี่ยวกับของประทานของความรอดนี้อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่นั้นมา แม้แต่ตอนนี้เมื่อผู้เขียนได้คิดเกี่ยวกับมันอีกครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้ตระหนักว่าไม่มีอะไรที่จะทำได้อีกแล้วนอกจากขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรอดของตน เพราะว่าความรักของความรอดนี้อยู่ในหัวใจของผู้เขียน ผู้เขียนจึงไม่มีทางลืมมัน เมื่อตอนแรกผู้เขียนได้รับการยกความผิดบาปโดยการยอมรับและเชื่อในข่าวประเสริฐของน้ำและพระวิญญาณ ในความจริงที่แสดงที่ด้ายสีฟ้า, สีม่วง และสีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดี ผู้เขียนจึงของคุณพระเจ้าอย่างไม่มีสิ้นสุด และแม้แต่ตอนนี้ หลังจากหลายไปผ่านไป ผู้เขียนยังคงมีหัวใจที่ขอบคุณเช่นเดิมและเพิ่มใหม่ขึ้นทุกๆวัน 
พระเยซูเสด็จมายังโลกนี้เพื่อช่วยผู้เขียนอย่างแท้จริงโดยรับบัพติศมาเพื่อรับเอาบาปทั้งหมดของผู้เขียนไว้ที่พระองค์และสิ้นพระชนม์เพื่อแบกรับการปรับโทษบาปของตน เมื่อผู้เขียนตระหนักว่าทั้งหมดนี้ทรงทำเพื่อเรา ผู้เขียนจึงยอมรับโดยทันทีและทำให้มันเป็นของตน ผู้เขียนตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ตนเคยทำตลอดทั้งชีวิตของตนเลย เป็นการกระทำที่ฉลาดและมีปัญญา ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักตนอย่างแท้จริงและทรงดูแลตน และผู้เขียนเชื่อและยืนยันเช่นกันว่าพระองค์ทรงทำทุกสิ่งเพราะพระองค์รักผู้เขียน “พระองค์เจ้าข้า ขอขอบพระคุณพระองค์ เหมือนกับที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์ “การสารภาพเช่นนั้นคือความปีติอย่างยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่เกิดใหม่
ความรักของพระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ความรักของเราต่อพระองค์ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันเหมือนความรักที่พระองค์มีต่อเราไม่เปลี่ยนแปลง ในเวลาที่เราทุกข์ทรมานและเผชิญกับความยากลำบาก หัวใจของเราอาจจะก็อาจจะหลงผิดและเราอาจจะต้องการลืมและทรยศความรักนี้ แต่แม้เราเจ็บปวดและขาดสติและแม้ว่าทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือเราสามารถคิดถึงความเจ็บปวดของเราได้ พระเจ้ายังคงยึดเอาไว้อย่างสมบูรณ์เพื่อว่าหัวใจของเราจะไม่ลืมความรักของพระองค์ 
พระเจ้าทรงรักเราตลอดไป การที่พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมายังโลกนี้ที่เหมือนกับสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของเรา ได้เป็นเพราะว่าพระองค์ทรงรักเราไปถึงการสิ้นพระชนม์ของพระ องค์ ตอนนี้ผู้เขียนได้ของร้องให้ท่านเชื่อในความรักของพระเจ้าตัวท่านเอง และยอมรับมันเข้าสู่หัว ใจของท่าน ตอนนี้ท่านเชื่อไหม? 
ขอขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าสำหรับการช่วยเราให้รอดจากบาปของเราด้วยความรักนี้